วันเสาร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2556

นายอำเภอฝรั่งเมืองศาลโลกบุกพิสูจน์“ประสาทพระวิหาร”- ชี้ควรเป็นของไทย




ศรีสะเกษ-นายอำเภอฝรั่ง จากเมืองศาลโลก บุกพิสูจน์ปราสาทพระวิหารเผยจากสภาพข้อเท็จจริงทั้งลักษณะภูมิประเทศและหลักการปักปันเขตแดน ปราสาทพระวิหารควรเป็นของไทยไม่ใช่กัมพูชา
      
       วันที่ 11 ม.ค. 56 เวลา 15.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ชายแดนไทย-กัมพูชา ได้มี มิสเตอร์แฟรงค์ บาร์คเกอร์ นายอำเภอจากเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ และ นางพิมกาญจน์ จำพร อายุ 39 ปี ภรรยาชาวไทย ได้เดินทางมาท่องเที่ยวเป็นการส่วนตัวและดูข้อเท็จจริงกรณีพิพาทปราสาทพระวิหาร ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาที่กำลังเป็นข่าวไปทั่วโลกว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่ง มิสเตอร์แฟรงค์ ได้ใช้กล้องส่องทางไกลส่องดูปราสาทพระวิหาร บนยอดเขาพระวิหาร พร้อมตรวจดูสภาพภูมิประเทศโดยรอบปราสาทพระวิหารอย่างละเอียด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ของไทย คอยอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
      
       มิสเตอร์แฟรงค์ บาร์คเกอร์ นายอำเภอจากเมืองอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ กล่าวผ่าน นางพิมกาญน์ จำพร ภรรยาชาวไทย ที่ช่วยเป็นล่ามแปล ว่า ตนเป็นนายอำเภออยู่ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ ซึ่ง อยู่ห่างจากกรุงเฮก ที่ตั้งของ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ศาลโลกใช้เวลาเดินทางด้วยรถยนต์เพียงประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น จากการที่ได้ทราบข้อมูลว่าปราสาทพระวิหารกำลังเป็นปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา และศาลโลกจะมีการพิจารณาคดีในเดือนเม.ย. 2556 นี้ จึงต้องการมาพิสูจน์ด้วยตัวเองว่าข้อเท็จจริงเกี่ยวกับปราสาทพระวิหารเป็นอย่างไร
      
       จากการที่ได้ดูสภาพข้อเท็จจริงของภูมิประเทศโดยรอบปราสาทพระวิหารแล้วเห็นว่า ตามลักษณะภูมิประเทศและหลักเกณฑ์ของการปักปันเขตแดนระหว่างประเทศ ปราสาทพระวิหารน่าที่จะเป็นของประเทศไทยไม่ใช่เป็นของประเทศกัมพูชา ซึ่งจะได้นำเอาเรื่องนี้ไปแจ้งให้ชาวเมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ได้ทราบและเข้าใจสภาพข้อเท็จจริงเพื่อเป็นกำลังใจให้กับชาวไทยทั้งประเทศ กรณีปราสาทพระวิหารต่อไป
      
       ขณะเดียวกันที่ บ้านโศกขามป้อม ต.ภูผาหมอก อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมาน ศรีงาม ประธานคณะธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทยกรณีปราสาทพระวิหาร มลฑลบูรพา ได้นำคณะสมาชิกกลุ่มธรรมยาตราฯ พากันจัดเตรียมสถานที่และเวทีให้พร้อม ในการจัดชุมนุมใหญ่ระหว่างวันที่ 12 - 13 ม.ค. นี้
      
       นายสมาน กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาได้ไปยื่นหนังสือกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ดำเนินการตามมาตรการ 9 ข้อในการแก้ไขปัญหาเขาพระวิหาร โดยขอให้ใช้อนุสัญญาโตเกียว ค.ศ.1941 และขอให้คัดค้านอำนาจของศาลโลก ส่วนการชุมนุมใหญ่ในระหว่างวันที่ 12 - 13 ม.ค. นี้ ไม่อยากใช้คำว่าชุมนุม เพราะตามความเป็นจริงแล้ว เป็นการประชุมของกลุ่มธรรมยาตราฯ และกลุ่มพลังมวลชนต่าง ๆ กรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งตนได้รับเชิญให้มาประชุมในครั้งนี้ด้วย ส่วนจะใช้เวลาในการประชุมนานเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าจะเป็นอย่างไร
      
       หากไม่มีเหตุขัดข้อง ตนจะนำคณะธรรมยาตราฯ ขึ้นไปบริเวณผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อนำของขวัญปีใหม่ไปมอบให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ ตชด. และทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณเขาพระวิหาร
      
       “ในการเดินทางมาประชุมในครั้งนี้ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ทหาร และ ตำรวจ ที่ได้มาดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มที่ อีกทั้งประชาชนบ้านภูมิซรอลและหมู่บ้านใกล้เคียง ของ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ก็ได้ให้การต้อนรับด้วยความอบอุ่น ซึ่งจะได้ร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหากรณีปราสาทพระวิหารอย่างเต็มที่ต่อไปนายสมาน กล่าว
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันสถานการณ์ภายในหมู่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้านชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ตั้งอยู่ใกล้เขาพระวิหารมากที่สุด ยังคงอยู่ในสภาพปกติไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ โดย นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย ได้แจ้งประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ทำให้ประชาชนชาวบ้านภูมิซรอลไม่รู้สึกวิตกกังวลใจต่อการชุมนุมเคลื่อนไหวของกลุ่มธรรมยาตราฯ และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ จากทั่วประเทศ ในครั้งนี้แต่อย่างใด
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น