วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

สสจ.ศรีสะเกษ ยังไม่สรุปยอด “ซูโดฯ” หาย - ยันไม่ย้าย ผอ.รพ.-เภสัชดอดให้ปากคำ

ศรีสะเกษ - นพ.สสจ.ศรีสะเกษ ยันยังไม่สรุปยอดจำนวนยาแก้หวัดซูโดอีเฟดรีน หายไปจาก รพ.ภูสิงห์ ชี้ ไม่จำเป็นต้องย้าย ผอ.รพ.ภูสิงห์ ออกนอกพื้นที่ เผย ต้องรอผลการตรวจสอบที่ชัดเจนจากคณะกรรมการก่อน ขณะ ผอ.รพ.ภูสิงห์ เผย หัวหน้าเภสัชกรรมชุมชน ย่องเงียบเข้าให้ปากคำกับคณะกรรมการระดับจังหวัดแล้ว
      
       วันที่ 25 มี.ค.55 เมื่อเวลา 14.00 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงพยาบาลภูสิงห์ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงแพทย์ พยาบาล จำนวนหนึ่งปฏิบัติหน้าที่เวรตามปกติ และมีคนไข้มาพบแพทย์ เพื่อรักษาพยาบาลเพียง 2-3 คนเท่านั้น ขณะที่ห้องจ่ายยา เจ้าหน้าที่ประจำห้องจ่ายยา ยังคงปฏิบัติงานตามปกติ มีการจ่ายยาให้กับผู้ป่วยที่มารอรับยาตามใบสั่งแพทย์
      
       ผู้สื่อข่าวได้ขอพบกับหัวหน้าฝ่ายเภสัชกรรมชุมชน ผู้รับผิดชอบในการจ่ายยา เพื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับเรื่องราวยาแก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีน ซึ่งใช้เป็นสารตั้งต้นผลิตยาเสพติดได้ หายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ หายไป 250,000 เม็ด ตามที่เป็นข่าวดังอยู่ในขณะนี้ แต่เจ้าหน้าที่ประจำห้องจ่ายยา แจ้งว่า วันนี้เป็นวันหยุดราชการ และไม่ทราบว่าจะติดต่อได้อย่างไร โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่า การเบิกจ่ายยาทุกอย่างของโรงพยาบาลภูสิงห์ เป็นไปตามระเบียบของทางราชการทุกประการ
      
       นพ.ประวิ อ่ำพันธ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ศรีสะเกษ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ลงนามแต่งตั้งกำลังดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับผู้ที่เกี่ยวข้องกรณียา แก้ไข้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนหายไปจากโรงพยาบาลภูสิงห์ ซึ่งคงต้องให้เวลาแก่คณะกรรมการในการตรวจสอบอย่างละเอียด คาดว่าใช้เวลาไม่นานคงจะทราบผลที่ชัดเจน
      
       ขณะนี้ยังไม่ทราบยอดจำนวนที่แน่ชัดว่ายาหายไปจำนวนเท่าใด โดยต้องดูเอกสารการเบิกจ่ายยาอย่างละเอียด และต้องรอการรายงานผลจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเสียก่อน ซึ่งหากพบว่า มีการทุจริต หรือผิดระเบียบของทางราชการ ก็จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องตามระเบียบของทาง ราชการต่อไป ทุกอย่างจะต้องเป็นไปตามขั้นตอนของทางราชการ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยอดจำนวนยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนที่หายไปอยู่ที่จำนวน 250,000 เม็ด
      
       “ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะต้องย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลภู สิงห์ ออกนอกพื้นที่นั้น ผมเห็นว่าคงไม่จำเป็น เพราะโรงพยาบาลอื่นที่มีลักษณะเดียวกันนี้ หลายแห่งก็ไม่จำเป็นต้องย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกจากพื้นที่แต่อย่างใด นพ.ประวิ กล่าว
      
       ทางด้าน นพ.กิตติภูมิ จุฑาสมิท ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ กล่าวว่า เมื่อวันพุธที่ 21 มี.ค.2555 เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้นำเอาหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปหมดแล้ว เพื่อทำการตรวจสอบว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดกรณียาแก้หวัดหายสูตรซูโดอีเฟดรีนนี้เกี่ยวข้องกับใคร อย่างไร
      
       ส่วนเภสัชกรผู้รับผิดชอบนั้น ได้เข้าให้ปากคำชี้แจงข้อเท็จจริงกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ทาง จ.ศรีสะเกษ แต่งตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันศุกร์ที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งตนไม่ทราบว่ามีการชี้แจงอย่างไรบ้าง เนื่องจากเป็นเรื่องความลับของทางราชการ
      
       ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะมีการย้ายตน รวมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องออกนอกพื้นที่นั้น ขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชาที่จะพิจารณา เนื่องจากว่ายังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตนพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเคร่งครัด
      
       สำหรับเรื่องคดีความนั้นขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ภูสิงห์ ยังไม่ได้ดำเนินคดีในส่วนที่เกี่ยวข้องแต่อย่างใด โดยแจ้งว่า ต้องรอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ สำหรับยอดจำนวนยาแก้หวัดสูตรซูโดอีเฟดรีนที่หายไปนั้น ยังคงยืนยันตามยอดเดิมจำนวน 250,000 เม็ด ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ตรวจสอบไปแล้ว นพ.กิตติภูมิ กล่าว
      
       ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า จากกรณีที่มีข่าวว่าจะมีการย้ายผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ ออกนอกพื้นที่ ปรากฏว่า ข่าวนี้ได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาแพทย์ พยาบาล ของโรงพยาบาลภูสิงห์ เป็นอย่างมาก บางคนถึงกับน้ำตาคลอเบ้า เพราะเชื่อมั่นว่า ผู้อำนวยการโรงพยาบาลภูสิงห์ เป็นผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ราชการดี ใจซื่อ มือสะอาด และเป็นแพทย์ชนบทดีเด่นที่มีผลการปฏิบัติงานที่ดีเยี่ยม ได้ชื่อว่าเป็นนายแพทย์ที่เป็นพ่อพระของประชาชนผู้ยากไร้ตามแนวชายแดน ไทย-กัมพูชา ด้าน อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้ทุ่มเทให้ความช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยทุกคนเป็นอย่างดี
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น