บุรีรัมย์ - เจ้าคณะจังหวัด-สำนักงานพุทธฯ จ.บุรีรัมย์ เรียกทุกฝ่ายถกเคลียร์ปัญหา “ธรรมกาย” สร้างวัดฮุบที่ทำกิน ปชช.หลังชาวบ้านแตกแยกเป็น 2 กลุ่ม เผย ได้ข้อยุติยอมให้สร้างวัดต่อ และยังปลูกผักทำกินได้ พร้อมตั้งกก.ร่วมทุกฝ่ายลงพื้นที่ ชี้ แนวเขตสร้างวัดและปลูกผักสวนครัวหลังยืดเยื้อมากว่า 1 ปี ขณะชาวบ้านกลุ่มเดือดร้อนยังผวาไม่เชื่อมั่น ซัดพระธรรมกายไม่เคยรักษาคำพูดตามสัญญาที่ให้ไว้ หวังฮุบที่ดินทั้งหมด
วันที่ 21 ธ.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าโรงเรียนปริยัติธีรวิทยา วัดกลาง (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัวเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ บ้านเขว้า ม.5 และ บ้านจอมปราสาท ม.17 ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และคนชรา กว่า 100 คน นำโดย นายชยุต เหลวกูล ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท และ นายบุญถึง ปรีชากูล สมาชิก อบต.สะเดา ได้นำพืชผัก สวนครัว จำนวนหลายกิโลกรัม ที่ได้จากการเพาะปลูกบนพื้นที่วัดร้าง หรือที่สาธารณะประโยชน์ ป่าช้าเก่า บ้านจอมปราสาท จำนวน 8 ไร่ มายืนถือประท้วง พร้อมป้ายร้องขอความเป็นธรรม
ในระหว่าง รอฟังมติที่ประชุม กรณีมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้มีหนังสือถึงคณะสงฆ์จังหวัดบุรีรัมย์ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ขอยกวัดร้าง (วัดเลียบ) เป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์ สาขาวัดพระธรรมกาย ของ พระอาจารย์ไพภูมิ วิชชปญโญ ประธานสงฆ์วัดเลียบ(ร้าง) พื้นที่ 16 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ตั้งอยู่หมู่ที่ 17 บ้านจอมปราสาท ต.สะเดา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช ผักสวนครัว ทำกินมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย เป็นเวลามากกว่า 100 ปี ทำให้ชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัวเดือดร้อนไม่มีที่ปลูกผักทำกิน
ทั้งนี้ ชาวบ้านระบุว่า ก่อนหน้านี้ พระอาจารย์ไพภูมิ เดินทางมาจากวัดพระธรรมกาย ได้มาขอชาวบ้านทำเป็นที่พักสงฆ์ เพื่อปฏิบัติธรรมชั่วคราว ชาวบ้านจึงมีการทำประชาคมขอความเห็นชอบ ต่อมาได้มีการทำสิ่งปลูกสร้างขยายและถมที่ไปทับพื้นที่ปลูกผักของชาวบ้านไป กว่า 15 ไร่ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ได้ร้องเรียนมานานกว่า 1 ปี ทั้งนายอำเภอนางรอง, เจ้าคณะอำเภอนางรอง, สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์, ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรรัมย์ และ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์
ล่าสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ เกรงจะเกิดปัญหาบานปลาย เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านได้แตกแยกเป็น 2 ฝ่าย จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัว ที่คัดค้านการก่อสร้างวัดพระธรรมกาย, ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มที่ขอยกวัดร้าง ให้เป็นที่สร้างวัด สาขาพระธรรมกาย, เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และคณะสงฆ์ตำบล อำเภอนางรอง เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยมี พระราชปริยัติกวีเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานประชุมครั้งนี้
ที่ประชุม ได้มีมติร่วมกันว่า ให้วัดดำเนินการสร้างต่อไป และชาวบ้านก็ปลูกผักสวนครัวต่อไป พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ประกอบด้วย เจ้าคณะอำเภอนางรอง เจ้าคณะตำบลสะเดา นายอำเภอนางรอง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สะเดา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกรรมการ ลงไปสำรวจดูว่าพื้นที่ไหนบ้างที่จะต้องสร้างเสนาสนะ ตรงไหนบ้างที่จะต้องให้ชาวบ้านปลูกผัก ทำให้ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายพอใจ ปัญหาจึงยุติลงได้
ด้าน นายศุภเดช การถัก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเรื้อรังมานาน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านทั้งสองฝ่ายไม่มีการพูดคุยกัน แต่เมื่อได้มาประชุมและมีข้อตกลงร่วมกัน โดยผู้ขอสร้างวัดก็ให้สร้างต่อไป ส่วนกลุ่มชาวบ้านที่ปลูกผักเดิมก็ให้ปลูกผักต่อไป ซึ่งทางวัดจะต้องไม่ไล่ชาวบ้านปลูกผักไปอยู่ที่อื่น ยกเว้นจะมีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น เช่น หากวัดไปหาที่ดินให้และชาวบ้านยินยอมที่จะย้าย ก็ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับวัด ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ไปร่วมกันกำหนดพื้นที่เขตสร้างวัด และเขตปลูกผักสวนครัวอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ ทำให้ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายพอใจจึงสลายตัวกลับไป
ขณะที่ นายชยุต เหลวกูล ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท หมู่ 17 ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัว กล่าวว่า ชาวบ้านพอใจมติที่ประชุมในระดับหนึ่ง ตามข้อตกลงที่จะมีการแบ่งพื้นที่เขตในการสร้างวัดพระธรรมกาย และปลูกผักสวนครัว พร้อมทั้งพื้นที่ซึ่งทาง อบต.สะเดา สร้างให้หมู่บ้านจะให้อยู่เหมือนเดิม โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งไปดำเนินการแบ่งเขตให้ชัดเจน
นายชยุต กล่าวต่อว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังรู้สึกไม่พอใจ เพราะไม่มั่นใจในคำพูด เกรงว่า พระไพภูมิ จะไม่รักษาคำพูดเหมือนที่เคยมาให้สัญญาประชาคมกับชาวบ้านไว้ตั้งแต่ตอนแรก ที่มาขอสร้างเป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์จำวัดเพียง 3 หลัง ซึ่งกุฏิแต่ละหลังจะมีความกว้างเพียงหลังละ 4 เมตร จะไม่ไปรบกวนแปลงปลูกผักสวนครัวของชาวบ้าน พร้อมทั้งเคยบอกว่า ที่มาขออาศัยอยู่ที่วัดร้าง ไม่เคยคิดจะแย่งหม้อข้าวและที่ดินของใคร ไม่คิดจะแยกวัดและชาวบ้านทำให้แตกความสามัคคี ส่วนวัดร้างจะขอแค่บูรณปฏิสังขรณ์และทำเป็นวัดเล็กๆ
“แต่ที่ผ่านมา พระไพภูมิ ไม่ทำอย่างที่พูด มีการขอก่อสร้างวัด ได้สร้างอาคารที่พำนักสงฆ์ และสร้างอาคารต่างๆ ทับที่และยังได้ถมดินรุกล้ำแปลงปลูกผักสวนครัวของชาวบ้าน รวมทั้งจะยึดที่ดินไปทั้งหมด ตรงนี้คือสิ่งที่ชาวบ้านหวาดกลัวเกรงว่าจะเกิดขึ้นซ้ำอีก” ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังชาวบ้านรับฟังคำชี้แจงจากผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้าน ถึงมติที่ประชุมในวันนี้ แม้ส่วนหนึ่งจะไม่พอใจ แต่เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัด และชาวบ้านกลุ่มพืชผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จึงยอมถอยกันคนละก้าว เพื่อให้สามารถอยู่กันได้ทั้งวัดและชุมชนชาวบ้านพอใจจึงได้สลายตัวกลับใน เวลาต่อมา
วันที่ 21 ธ.ค.54 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหน้าโรงเรียนปริยัติธีรวิทยา วัดกลาง (พระอารามหลวง) อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ ชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัวเศรษฐกิจพอเพียง ตามแนวพระราชดำริ บ้านเขว้า ม.5 และ บ้านจอมปราสาท ม.17 ต.สะเดา อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ทั้งผู้ใหญ่ เด็ก และคนชรา กว่า 100 คน นำโดย นายชยุต เหลวกูล ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท และ นายบุญถึง ปรีชากูล สมาชิก อบต.สะเดา ได้นำพืชผัก สวนครัว จำนวนหลายกิโลกรัม ที่ได้จากการเพาะปลูกบนพื้นที่วัดร้าง หรือที่สาธารณะประโยชน์ ป่าช้าเก่า บ้านจอมปราสาท จำนวน 8 ไร่ มายืนถือประท้วง พร้อมป้ายร้องขอความเป็นธรรม
ในระหว่าง รอฟังมติที่ประชุม กรณีมีชาวบ้านกลุ่มหนึ่ง ได้มีหนังสือถึงคณะสงฆ์จังหวัดบุรีรัมย์ และ สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ ขอยกวัดร้าง (วัดเลียบ) เป็นวัดที่มีพระภิกษุสงฆ์ สาขาวัดพระธรรมกาย ของ พระอาจารย์ไพภูมิ วิชชปญโญ ประธานสงฆ์วัดเลียบ(ร้าง) พื้นที่ 16 ไร่ 3 งาน 60 ตารางวา ตั้งอยู่หมู่ที่ 17 บ้านจอมปราสาท ต.สะเดา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวชาวบ้านได้ใช้ประโยชน์ในการปลูกพืช ผักสวนครัว ทำกินมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย เป็นเวลามากกว่า 100 ปี ทำให้ชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัวเดือดร้อนไม่มีที่ปลูกผักทำกิน
ทั้งนี้ ชาวบ้านระบุว่า ก่อนหน้านี้ พระอาจารย์ไพภูมิ เดินทางมาจากวัดพระธรรมกาย ได้มาขอชาวบ้านทำเป็นที่พักสงฆ์ เพื่อปฏิบัติธรรมชั่วคราว ชาวบ้านจึงมีการทำประชาคมขอความเห็นชอบ ต่อมาได้มีการทำสิ่งปลูกสร้างขยายและถมที่ไปทับพื้นที่ปลูกผักของชาวบ้านไป กว่า 15 ไร่ ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ ได้ร้องเรียนมานานกว่า 1 ปี ทั้งนายอำเภอนางรอง, เจ้าคณะอำเภอนางรอง, สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์, ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรรัมย์ และ เจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์
ล่าสุด สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ เกรงจะเกิดปัญหาบานปลาย เนื่องจากขณะนี้ชาวบ้านได้แตกแยกเป็น 2 ฝ่าย จึงได้เชิญผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัว ที่คัดค้านการก่อสร้างวัดพระธรรมกาย, ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มที่ขอยกวัดร้าง ให้เป็นที่สร้างวัด สาขาพระธรรมกาย, เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด และคณะสงฆ์ตำบล อำเภอนางรอง เพื่อหาข้อยุติในเรื่องดังกล่าว โดยมี พระราชปริยัติกวีเจ้าคณะจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธานประชุมครั้งนี้
ที่ประชุม ได้มีมติร่วมกันว่า ให้วัดดำเนินการสร้างต่อไป และชาวบ้านก็ปลูกผักสวนครัวต่อไป พร้อมตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ประกอบด้วย เจ้าคณะอำเภอนางรอง เจ้าคณะตำบลสะเดา นายอำเภอนางรอง องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สะเดา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน เป็นกรรมการ ลงไปสำรวจดูว่าพื้นที่ไหนบ้างที่จะต้องสร้างเสนาสนะ ตรงไหนบ้างที่จะต้องให้ชาวบ้านปลูกผัก ทำให้ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายพอใจ ปัญหาจึงยุติลงได้
ด้าน นายศุภเดช การถัก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่าปัญหานี้เกิดขึ้นเรื้อรังมานาน เนื่องจากที่ผ่านมาชาวบ้านทั้งสองฝ่ายไม่มีการพูดคุยกัน แต่เมื่อได้มาประชุมและมีข้อตกลงร่วมกัน โดยผู้ขอสร้างวัดก็ให้สร้างต่อไป ส่วนกลุ่มชาวบ้านที่ปลูกผักเดิมก็ให้ปลูกผักต่อไป ซึ่งทางวัดจะต้องไม่ไล่ชาวบ้านปลูกผักไปอยู่ที่อื่น ยกเว้นจะมีข้อตกลงเป็นอย่างอื่น เช่น หากวัดไปหาที่ดินให้และชาวบ้านยินยอมที่จะย้าย ก็ถือเป็นข้อตกลงร่วมกันระหว่างชาวบ้านกับวัด ซึ่งจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ไปร่วมกันกำหนดพื้นที่เขตสร้างวัด และเขตปลูกผักสวนครัวอีกครั้งหนึ่งในเร็วๆ นี้ ทำให้ชาวบ้านทั้งสองฝ่ายพอใจจึงสลายตัวกลับไป
ขณะที่ นายชยุต เหลวกูล ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท หมู่ 17 ตัวแทนชาวบ้านกลุ่มปลูกผักสวนครัว กล่าวว่า ชาวบ้านพอใจมติที่ประชุมในระดับหนึ่ง ตามข้อตกลงที่จะมีการแบ่งพื้นที่เขตในการสร้างวัดพระธรรมกาย และปลูกผักสวนครัว พร้อมทั้งพื้นที่ซึ่งทาง อบต.สะเดา สร้างให้หมู่บ้านจะให้อยู่เหมือนเดิม โดยมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งไปดำเนินการแบ่งเขตให้ชัดเจน
นายชยุต กล่าวต่อว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังรู้สึกไม่พอใจ เพราะไม่มั่นใจในคำพูด เกรงว่า พระไพภูมิ จะไม่รักษาคำพูดเหมือนที่เคยมาให้สัญญาประชาคมกับชาวบ้านไว้ตั้งแต่ตอนแรก ที่มาขอสร้างเป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ เพื่อให้พระภิกษุสงฆ์จำวัดเพียง 3 หลัง ซึ่งกุฏิแต่ละหลังจะมีความกว้างเพียงหลังละ 4 เมตร จะไม่ไปรบกวนแปลงปลูกผักสวนครัวของชาวบ้าน พร้อมทั้งเคยบอกว่า ที่มาขออาศัยอยู่ที่วัดร้าง ไม่เคยคิดจะแย่งหม้อข้าวและที่ดินของใคร ไม่คิดจะแยกวัดและชาวบ้านทำให้แตกความสามัคคี ส่วนวัดร้างจะขอแค่บูรณปฏิสังขรณ์และทำเป็นวัดเล็กๆ
“แต่ที่ผ่านมา พระไพภูมิ ไม่ทำอย่างที่พูด มีการขอก่อสร้างวัด ได้สร้างอาคารที่พำนักสงฆ์ และสร้างอาคารต่างๆ ทับที่และยังได้ถมดินรุกล้ำแปลงปลูกผักสวนครัวของชาวบ้าน รวมทั้งจะยึดที่ดินไปทั้งหมด ตรงนี้คือสิ่งที่ชาวบ้านหวาดกลัวเกรงว่าจะเกิดขึ้นซ้ำอีก” ผู้ใหญ่บ้านจอมปราสาท กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังชาวบ้านรับฟังคำชี้แจงจากผู้ใหญ่บ้าน และตัวแทนชาวบ้าน ถึงมติที่ประชุมในวันนี้ แม้ส่วนหนึ่งจะไม่พอใจ แต่เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างวัด และชาวบ้านกลุ่มพืชผักสวนครัวตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง จึงยอมถอยกันคนละก้าว เพื่อให้สามารถอยู่กันได้ทั้งวัดและชุมชนชาวบ้านพอใจจึงได้สลายตัวกลับใน เวลาต่อมา
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น