จังหวัดบุรีรัมย์ ระดม จนท.กว่า 30 หน่วยงาน ซ้อมแผนอพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย และช่วยเหลือลำเลียงผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะ เตรียมรับมือสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมประสานท้องถิ่นปรับปรุงถนนชำรุด เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการอพยพ ส่วนการสร้างหลุมหลบภัย 162 หลุม รออนุมัติงบจากกรมบัญชีกลาง
วันที่ 27 ก.ค.54 เมื่อเวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ ทหาร ตำรวจ ตชด.อาสารักษาดินแดน รวมทั้งแพทย์ พยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 30 หน่วยงาน ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ซักซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภาวะไม่ปกติ หรือ “แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” โดยมี นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธาน
โดยมีการจำลองสถานการณ์ ว่า เกิดเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้น แล้วกระสุนปืนใหญ่ได้ตกลงมายังฝั่งไทย ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งหลังจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้ยินเสียงเตือนภัยของเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กและคนชราบางส่วนก็พากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยภายในหมู่บ้านและในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยติดแนวชายแดน จำนวน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านสายโท 10 และ 12 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด กว่า 100 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพชั่วคราวที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนกว่า 10 กิโลเมตรและห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุน เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งได้จำลองการช่วยเหลือลำเลียงผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะออกจากพื้นที่ ไปยังที่ปลอดภัยก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล
การซักซ้อมแผนในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการให้ความช่วยเหลือและอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย หากเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
ด้าน นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การซักซ้อมแผนในครั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบขั้นตอนและแผนการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือ และอพยพเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ หากเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนขึ้น พร้อมยอมรับว่า ปัญหาอุปสรรคในการอพยพ คือ ถนนบางช่วงมีสภาพชำรุด อาจทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง ซึ่งกรณีดังกล่าวจะได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงซ่อมแซมให้สามารถสัญจรไปมาได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ จำนวน 162 หลุม คือ อ.บ้านกรวด 142 หลุม และ อ.ละหานทราย 20 หลุม ขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว อยู่ระหว่างรอการขออนุมัติงบประมาณจากกรมบัญชีกลาง คาดว่า จะได้รับการจัดสรรในเร็วๆ นี้
ทางด้าน นายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การซักซ้อมแผนในครั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีการส่วนเกี่ยวข้อง สามารถบูรณาการการให้ความช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์สู้รบขึ้นจริง ก็ได้มีการเตรียมศูนย์อพยพไว้รองรับในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด 7 ศูนย์ และ อ.ประโคนชัย อีก 2 ศูนย์ ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้มากกว่า 8,000 คน
วันที่ 27 ก.ค.54 เมื่อเวลา 10.30 น.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง อาทิ ทหาร ตำรวจ ตชด.อาสารักษาดินแดน รวมทั้งแพทย์ พยาบาล องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรวมกว่า 30 หน่วยงาน ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด และ อ.ละหานทราย ที่มีพื้นที่ติดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ซักซ้อมแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในภาวะไม่ปกติ หรือ “แผนพิทักษ์พื้นที่ส่วนหลัง” โดยมี นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธาน
โดยมีการจำลองสถานการณ์ ว่า เกิดเหตุปะทะกันตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้น แล้วกระสุนปืนใหญ่ได้ตกลงมายังฝั่งไทย ในพื้นที่ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ ซึ่งหลังจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ได้ยินเสียงเตือนภัยของเจ้าหน้าที่ ชาวบ้านโดยเฉพาะเด็กและคนชราบางส่วนก็พากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัยภายในหมู่บ้านและในโรงเรียน เพื่อความปลอดภัย
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็ได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายชาวบ้านในพื้นที่หมู่บ้านเสี่ยงภัยติดแนวชายแดน จำนวน 2 หมู่บ้าน คือ บ้านสายโท 10 และ 12 ใต้ ต.สายตะกู อ.บ้านกรวด กว่า 100 ครัวเรือน ออกจากพื้นที่ไปยังศูนย์พักพิงผู้อพยพชั่วคราวที่ทางราชการจัดเตรียมไว้ ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากชายแดนกว่า 10 กิโลเมตรและห่างไกลจากรัศมีวิถีกระสุน เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งได้จำลองการช่วยเหลือลำเลียงผู้บาดเจ็บจากเหตุปะทะออกจากพื้นที่ ไปยังที่ปลอดภัยก่อนจะนำส่งโรงพยาบาล
การซักซ้อมแผนในครั้งนี้ เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถบูรณาการการทำงานร่วมกัน ในการให้ความช่วยเหลือและอพยพเคลื่อนย้ายประชาชน ออกจากพื้นที่เสี่ยงภัย หากเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ได้อย่างรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ
ด้าน นายสกลสฤษฎ์ บุญประดิษฐ์ รองผู้ว่าราชการราชการจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การซักซ้อมแผนในครั้งนี้เพื่อให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับทราบขั้นตอนและแผนการปฏิบัติในการให้ความช่วยเหลือ และอพยพเคลื่อนย้ายประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างทันท่วงทีและมีประสิทธิภาพ หากเกิดเหตุการณ์สู้รบตามแนวชายแดนขึ้น พร้อมยอมรับว่า ปัญหาอุปสรรคในการอพยพ คือ ถนนบางช่วงมีสภาพชำรุด อาจทำให้เกิดความล่าช้าไปบ้าง ซึ่งกรณีดังกล่าวจะได้ประสานไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในแต่ละพื้นที่ ดำเนินการแก้ไขปรับปรุงซ่อมแซมให้สามารถสัญจรไปมาได้สะดวกมากขึ้น
ส่วนความคืบหน้าในการสร้างหลุมหลบภัยในพื้นที่ 2 อำเภอ จำนวน 162 หลุม คือ อ.บ้านกรวด 142 หลุม และ อ.ละหานทราย 20 หลุม ขณะนี้ได้ส่งเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว อยู่ระหว่างรอการขออนุมัติงบประมาณจากกรมบัญชีกลาง คาดว่า จะได้รับการจัดสรรในเร็วๆ นี้
ทางด้าน นายพรเชษฐ์ แสงทอง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า การซักซ้อมแผนในครั้งนี้เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมหากเกิดสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่มีการส่วนเกี่ยวข้อง สามารถบูรณาการการให้ความช่วยเหลืออพยพประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ หากเกิดสถานการณ์สู้รบขึ้นจริง ก็ได้มีการเตรียมศูนย์อพยพไว้รองรับในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด 7 ศูนย์ และ อ.ประโคนชัย อีก 2 ศูนย์ ซึ่งสามารถรองรับผู้อพยพได้มากกว่า 8,000 คน
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น