ผู้ประกอบการร้านค้าโคราช เดือดร้อนหนัก “แก๊ง ตร.ปลอม” อาละวาดรีดไถเงิน ทำเนียนแต่งตำรวจครึ่งท่อนนำซองตระเวนรับบริจาคเงินอ้างนำไปใช้ในกิจการตำรวจ ขณะตำรวจภูธรจังหวัดฯแจงไม่มีนโยบาย ล่าสุดพนักงานร้านค้าวัสดุก่อสร้าง อ.พิมาย ช่วยกันจับแก๊งตำรวจปลอมขณะเข้าไปรีดไถส่งแจ้งดำเนินคดีพร้อมภาพกล้องวงจรปิดมัดตัว แต่ “ตำรวจจริง” สภ.พิมาย กลับไม่เอาผิดอ้างไม่มีหลักฐานพอจึงปล่อยตัวไป ฝากเตือนผู้ประกอบการระวังตกเป็นเหยื่อ
วันที่ 8 ก.ค.54 เมื่อเวลา 11.30 น.นายมนตรี รื่นเริงดี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 / 1 หมู่ 2 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เจ้าของร้านอังครงค์รักษ์พานิช จำหน่ายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมชาย สงเคราะห์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมาย หลังมีชาย 3 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.พิมาย นำซองเอกสารหัวหนังสือระบุ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาขอบริจาคเงินกับพนักงานของร้าน โดยอ้างว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในกิจการของตำรวจ และจัดงานเลี้ยงรุ่นพร้อมหาเงินเป็นทุนมอบให้กับครอบครัวตำรวจที่เดือดร้อน พนักงานร้านจึงหลงเชื่อมอบเงินให้ไปจำนวน 1,000 บาท
ขณะที่พนักงานกำลังส่งมอบเงินให้กับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ อยู่นั้น นายปณินพงษ์ หนูเกลี้ยง หัวหน้าผู้ดูแลกิจการ ร้านอังครงค์รักษ์พานิชย์ สาขา 2 อำเภอสีดา ได้เดินเข้ามาในร้านพอดี และเคยตกเป็นเหยื่อบุคคลดังกล่าวมาแล้ว เพราะมาทราบภายหลังว่าทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.ต่างๆ ออกจากรับบริจาคเงินแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คนร้ายกลุ่มนี้กระทำกันเป็นกระบวนการออกตระเวนรีดไถเงินร้านค้าต่างๆ สร้างเดือดร้อนไปทั่ว จ.นครราชสีมา โดยจะขับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 4ศ-3016 กรุงเทพมหานครไปพร้อมกันประมาณ 3-4 คน และส่งตัวแทนที่แต่งเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อนเข้าไปรีดไถเงินจากทางร้าน พร้อมกับมีรถยนต์อีกคันมาจอดรอรับหากเกิดกรณีถูกจับได้มาเป็นตำรวจปลอม
เมื่อพนักงานทราบความจริงจึงช่วยกันจับตัวกลุ่มตำรวจปลอมไว้ แต่จับได้เพียงคนเดียวคือ นาย พงษ์พัฒน์ เกียรติศักดิ์ไพศาล อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 13 ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ. มหาสารคาม ซึ่งทำหน้าที่ขับรถมารับกลุ่มคนร้าย ส่วนอีก 2 คนได้วิ่งขึ้นรถกระบะอีกคันที่จอดรออยู่ด้านนอกหลบหนีไปได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ได้มารับตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก โดยทำการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัว นายพงษ์พัฒน์ ผู้ต้องสงสัยไป โดย พ.ต.ท.สมชาย สงเคราะห์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมาย แจ้งว่า ไม่มีหลักฐานเอาผิดกับผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจและแต่งเครื่องแบบเข้าไปภายในร้านได้วิ่งหลบหนีไปได้ เหลือเพียงนายพงษ์พัฒน์ ผู้ต้องสงสัยที่ยืนรออยู่ข้างนอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
ขณะที่ นายมนตรี รื่นเริงดี เจ้าของร้านอังครงค์รักษ์พานิช ผู้เสียหาย ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเอาไว้ขณะเข้าไปรีดไถเงินในร้าน มาเปิดให้กับพนักงานสอบสวนดูเพราะคนร้ายกระทำผิดร่วมกันอย่างเป็นขบวนการแต่ไม่เป็นผล พนักงานสอบสวนยังยืนยันไม่เอาผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้บอกเพียงว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะเอาผิดกับผู้ต้องสงสัยได้ จึงต้องปล่อยตัวไป
“ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่พนักงานจับกุมตัวไว้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน แต่อยากฝากแจ้งเตือนไปยังร้านค้าทุกแห่งให้ ระมัดระวังจะตกเป็นเหยื่อของตำรวจปลอมกลุ่มนี้หรืออาจเป็นตำรวจจริงที่ก็ได้” นายมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าวดังกล่าว นายพงษ์พัฒน์ เกียรติศักดิ์ไพศาล อายุ 59 ปีผู้ต้องสงสัยแก๊งตำรวจปลอม ได้ข่มขู่ผู้สื่อข่าว และห้ามไม่ให้บันทึกภาพ พร้อมข่มขู่ว่าให้ระวังตัวไว้ ขนาดตำรวจยังไม่แจ้งความเอาผิด แต่นักข่าวกลับมาบันทึกภาพ ทำข่าวทำไม ซึ่ง นายพงษ์พัฒน์ ยังอ้างว่า เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย (ทรท.) จ.มหาสารคาม และ รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย พร้อมยืนยันว่าได้ถูกว่าจ้างให้ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า ดังกล่าวมารับ 2 คน ที่หลบหนีไปเท่านั้น โดยไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
วันที่ 8 ก.ค.54 เมื่อเวลา 11.30 น.นายมนตรี รื่นเริงดี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 251 / 1 หมู่ 2 ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เจ้าของร้านอังครงค์รักษ์พานิช จำหน่ายอุปกรณ์วัสดุก่อสร้าง ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.สมชาย สงเคราะห์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมาย หลังมีชาย 3 คน อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสังกัด สภ.พิมาย นำซองเอกสารหัวหนังสือระบุ กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา มาขอบริจาคเงินกับพนักงานของร้าน โดยอ้างว่าจะนำเงินที่ได้ไปใช้ในกิจการของตำรวจ และจัดงานเลี้ยงรุ่นพร้อมหาเงินเป็นทุนมอบให้กับครอบครัวตำรวจที่เดือดร้อน พนักงานร้านจึงหลงเชื่อมอบเงินให้ไปจำนวน 1,000 บาท
ขณะที่พนักงานกำลังส่งมอบเงินให้กับกลุ่มบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจ อยู่นั้น นายปณินพงษ์ หนูเกลี้ยง หัวหน้าผู้ดูแลกิจการ ร้านอังครงค์รักษ์พานิชย์ สาขา 2 อำเภอสีดา ได้เดินเข้ามาในร้านพอดี และเคยตกเป็นเหยื่อบุคคลดังกล่าวมาแล้ว เพราะมาทราบภายหลังว่าทางตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาไม่มีนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใน สภ.ต่างๆ ออกจากรับบริจาคเงินแต่อย่างใด
ทั้งนี้ คนร้ายกลุ่มนี้กระทำกันเป็นกระบวนการออกตระเวนรีดไถเงินร้านค้าต่างๆ สร้างเดือดร้อนไปทั่ว จ.นครราชสีมา โดยจะขับรถเก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า สีบรอนซ์เงิน หมายเลขทะเบียน 4ศ-3016 กรุงเทพมหานครไปพร้อมกันประมาณ 3-4 คน และส่งตัวแทนที่แต่งเครื่องแบบตำรวจครึ่งท่อนเข้าไปรีดไถเงินจากทางร้าน พร้อมกับมีรถยนต์อีกคันมาจอดรอรับหากเกิดกรณีถูกจับได้มาเป็นตำรวจปลอม
เมื่อพนักงานทราบความจริงจึงช่วยกันจับตัวกลุ่มตำรวจปลอมไว้ แต่จับได้เพียงคนเดียวคือ นาย พงษ์พัฒน์ เกียรติศักดิ์ไพศาล อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 96 หมู่ 13 ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ. มหาสารคาม ซึ่งทำหน้าที่ขับรถมารับกลุ่มคนร้าย ส่วนอีก 2 คนได้วิ่งขึ้นรถกระบะอีกคันที่จอดรออยู่ด้านนอกหลบหนีไปได้
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พิมาย ได้มารับตัวไปสอบปากคำที่โรงพัก โดยทำการสอบสวนทั้ง 2 ฝ่าย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะปล่อยตัว นายพงษ์พัฒน์ ผู้ต้องสงสัยไป โดย พ.ต.ท.สมชาย สงเคราะห์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.พิมาย แจ้งว่า ไม่มีหลักฐานเอาผิดกับผู้ต้องสงสัยได้ เนื่องจากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตำรวจและแต่งเครื่องแบบเข้าไปภายในร้านได้วิ่งหลบหนีไปได้ เหลือเพียงนายพงษ์พัฒน์ ผู้ต้องสงสัยที่ยืนรออยู่ข้างนอกเพียงคนเดียวเท่านั้น
ขณะที่ นายมนตรี รื่นเริงดี เจ้าของร้านอังครงค์รักษ์พานิช ผู้เสียหาย ได้นำภาพจากกล้องวงจรปิดที่สามารถบันทึกภาพผู้ต้องสงสัยทั้งหมดเอาไว้ขณะเข้าไปรีดไถเงินในร้าน มาเปิดให้กับพนักงานสอบสวนดูเพราะคนร้ายกระทำผิดร่วมกันอย่างเป็นขบวนการแต่ไม่เป็นผล พนักงานสอบสวนยังยืนยันไม่เอาผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับได้บอกเพียงว่า ไม่มีหลักฐานเพียงพอ ที่จะเอาผิดกับผู้ต้องสงสัยได้ จึงต้องปล่อยตัวไป
“ถึงแม้เจ้าหน้าที่ตำรวจจะไม่ดำเนินคดีกับกลุ่มคนร้ายที่พนักงานจับกุมตัวไว้ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นแก๊งเดียวกัน แต่อยากฝากแจ้งเตือนไปยังร้านค้าทุกแห่งให้ ระมัดระวังจะตกเป็นเหยื่อของตำรวจปลอมกลุ่มนี้หรืออาจเป็นตำรวจจริงที่ก็ได้” นายมนตรี กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะผู้สื่อข่าวเข้าทำข่าวดังกล่าว นายพงษ์พัฒน์ เกียรติศักดิ์ไพศาล อายุ 59 ปีผู้ต้องสงสัยแก๊งตำรวจปลอม ได้ข่มขู่ผู้สื่อข่าว และห้ามไม่ให้บันทึกภาพ พร้อมข่มขู่ว่าให้ระวังตัวไว้ ขนาดตำรวจยังไม่แจ้งความเอาผิด แต่นักข่าวกลับมาบันทึกภาพ ทำข่าวทำไม ซึ่ง นายพงษ์พัฒน์ ยังอ้างว่า เป็นอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย (ทรท.) จ.มหาสารคาม และ รู้จักกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วย พร้อมยืนยันว่าได้ถูกว่าจ้างให้ขับรถยนต์เก๋งโตโยต้า ดังกล่าวมารับ 2 คน ที่หลบหนีไปเท่านั้น โดยไม่รู้เห็นเกี่ยวข้องแต่อย่างใด
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์
เหอๆๆตำรวจไทย ทีอากง แม่ง....
ตอบลบ