ผู้ว่าฯอุดรธานี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการลงแขกดำนาโยนร่วมกับชาวบ้านในอำเภอกุดจับ ชี้ พื้นที่เกษตรกรรมจำนวนมากถูกนายทุนกว้านซื้อเปลี่ยนไปปลูกพืชพลังงานทดแทน เกษตรกรอย่าทิ้งที่ดินทำการเกษตรกรรมหวั่นลูกหลานไม่มีแหล่งผลิตอาหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ บ้านหนองโน ม.2 ต.กุดจับ อ.กุดจับ จ.อุดรธานี นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี เป็นประธานเปิด โครงการผู้ว่าฯดำนา ประชาร่วมใจ โดยดำนาร่วมกับนายอำเภอและหัวหน้าหน่วยราชการและประชาชน ส่วนวิธีดำนานั้นเป็นนาโยน คือโยนต้นกล้าลงไปในบริเวณที่นาของวัดบรมสมภรณ์
นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานีกล่าวกับพี่น้องประชาชนเกษตรกรที่เป็นชาวนาที่มาร่วมในงานดังกล่าว ว่า อาชีพการทำนาเป็นเอกลักษณ์ของชาวไทยมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แต่ปัจจุบันนี้ความเปลี่ยนแปลงทางสังคมของโลก มีวัฒนธรรมใหม่ๆ กระแสโลกาภิวัตน์ กระแสบริโภคนิยม เข้ามามีอิทธิพลที่ ทำให้วิถีชีวิต ประเพณีอันดีงามของพี่น้องชาวอีสานและชาวไทย ของชาวนาไทยเปลี่ยนแปลงไปด้วย ซึ่งการทำนาถือเป็นอาชีพดั้งเดิมเป็นประเพณีวัฒนธรรมที่คู่กับคนภาคอีสานและคนไทยมาเป็นเวลาช้านาน
ทั้งนี้ นายคมสัน ได้กล่าวฝากไปยังคนที่มีอาชีพเกษตรกร ว่า นักเศรษฐศาสตร์ทั้งของประเทศไทย และต่างประเทศ ต่างมีความเห็นสอดคล้องเป็นแนวเดียวกัน ว่า ในอนาคตพืชที่เป็นอาหาร พืชที่เป็นพลังงาน จะเป็นพืชที่มีบทบาทและความสำคัญมาก พื้นที่การปลูกพืชอาหาร และแหล่งอาหารมีแนวโน้มน้อยลงๆ ทุกวัน
ขณะที่เทคโนโลยีด้านต่างๆ ของโลกพัฒนาเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ความต้องการบริโภคของคนในโลกก็เพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว การปลูกพืชพลังงานทดแทน ก็เป็นอีกส่วนหนึ่งที่จะทำให้พื้นที่การปลูกอาหารน้อยลงไปด้วย
โดยยกตัวอย่างว่า ในปัจจุบันนี้พื้นที่การปลูกผลไม้ในภาคต่างๆ กำลังถูกนำเอาไปปลูกพืชพลังงานทดแทน เช่น ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง จึงขอให้พี่น้องเกษตรกรอย่าได้ละทิ้งที่ดินที่นา เอาไปจำนอง จำนำ ขาย ให้กับนายทุน เพราะที่นาดังกล่าวกว่าที่จะตกมาถึงเราได้นั้น พ่อแม่ ปู่ย่าตายาย ได้สะสมเอาไว้ให้กับเรา
พวกเรารุ่นหลังจะต้องช่วยกันอนุรักษ์ หวงแหนที่นาเอาไว้ เพื่อเป็นแหล่งทำมาหากิน เพื่อให้ตกเป็นทรัพย์สมบัติแก่ลูกหลานต่อไป
ข้อมูลจาก...ผู้จัดการ ออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น